วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2560

วุ้นกะทิ

 วุ้นกะทิ



ส่วนผสมของตัววุ้น
1.ผงวุ้น 2 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำใบเตย 5 1/2 ถ้วยตวง
3.น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
ส่วนผสมของหน้าวุ้น
1.ผงวุ้น 2 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำมะพร้าว 2 1/2 ถ้วยตวง
3.น้ำตาลทรายขาว 2 1/2 ถ้วงตวง
4.หัวกะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
5.แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
6.เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
7.แม่พิมพ์
วิธีทำส่วนของตัววุ้น
  1. ใส่ผงวุ้นและน้ำใบเตย ลงในกระทะต้มจนผงวุ้นละลาย
  2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดีจึงหรี่ไฟเบาลง
  3. ยอดวุ้นใบเตยลงไปในพิมพ์ให้ได้ประมาณ 3/4 ปล่อยไว้ให้วุ้นจับตัวพอตึง
วิธีทำส่วนของหน้าวุ้น
  1. ใส่ผงวุ้นและน้ำมะพร้าว ลงในกระทะต้มจนผงวุ้นละลาย
  2. ใส่แป้งข้าวโพด หัวกะทิ (ใส่หัวกะทิรอบแรก1/2 ถ้วยตวง) และ เกลือ คนจนส่วนผสมละลายเข้ากัน
  3. ใส่หัวกะทิที่เหลือลงไป คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน จากนั้นก็นำไปหยอดใส่พิมพ์ให้เต็ม
  4. รอจนวุ้นแข็งตัว หรือนำเข้าตู้เย็น จากนั้นเคาะออกจากแม่พิมพ์ได้
ที่มาของแหแล่งข้อมูล : http://food.mthai.com/food-recipe/115790.html

สังขยาฟักทอง

สังขยาฟักทอง


ส่วนผสม

1.ฟักทอง 1 ลูก ขนาดไม่เกิน 1 กิโลกรัม   
2.ไข่ไก่และไข่เป็ด อย่างละ 3 ฟอง 
3.น้ำตาลปิ๊บ 1/2 กิโลกรัม 
4.กะทิ 1 กล่อง ขนาด 250 ซีซี 
5.เกลือ 1/2 ช้อนชา 
6.ใบเตย 4-5 ใบ 

วิธีทำ

  1. ใช้มีดเจาะไปที่ขั้วฟักทองออกให้เป็นฝา จากนั้นคว้านเอาไส้ออกจนหมดแล้วนำไปล้างให้สะอาด เตรียมไว้
  2. ทำส่วนของสังขยา  ตอกไข่ไก่ใส่อ่างผสม ส่วนไข่เป็ดใช้เฉพาะไข่แดง เติมน้ำตาลปิ๊บ กะทิ เกลือ และใบเตยลงไปในอ่างผสม
  3. ขยำส่วนผสมให้เข้ากันด้วยมือ เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว กรองด้วยตระแกรงตาถี่หรือผ้าขาวบาง
  4. เทสังขยาลงในลูกฟักทอง
  5. ตั้งน้ำให้เดือดจัด แล้วหรี่ไฟลง นำลูกฟักทองลงไปนึ่ง เวลาประมาณ  1-1.30 ชั่วโมง หรือจนกว่าฟักทองและสังขยาสุก ( เวลาในการนึ่ง อาจจะมากหรือหรือน้อย ขึ้นอยู่กับขนาดของฟักทอง )
  6. เมื่อสุกแล้วปิดไฟ ยกลง พักสังขยาฟักทองให้เย็นตัว ค่อยผ่าเป็นชิ้น จัดเสริ์
ที่มาของแหล่งข้อมูล : http://www.hongthongrice.com/life/5257/egg-custard-pumpkin/.
                                http://cooking.kapook.com/view78179.html

ขนมปุยฝ้าย

ขนมปุยฝ้าย



ส่วนผสม

1.แป้งสาลี 450 กรัม
2.เอสพี 1 ช้อนโต๊ะ (ดูรายละเอียดเอสพี* ด้านล่าง)
3.ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
4.ไข่ไก่ 2 ฟอง
5.น้ำตาลทราย 250 กรัม
6.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
7.นมข้น 1/2 กระป๋อง
8.น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
9.สีผสมอาหาร (เลือกสีตามความต้องการ), กลิ่นมะลิ (หรือตามชอบ)
10.ลูกเกด (สำหรับแต่งหน้า)

วิธีทำ

    1. ผสมเอสพี น้ำตาลทรายและน้ำ 1 ถ้วยเข้าด้วยกัน จากนั้นคนด้วยเครื่องตีไข่ ระหว่างคนตอกไข่ลงไป 2 ฟองและคนต่อไปเรื่อยๆ
    2. นำผงฟูผสมกับแป้งสาลี แล้วนำไปร่อน จากนั้นจึงใส่ผสมลงไปกับส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1 คนต่อไปให้เข้ากันทั่ว
    3. ใส่น้ำ 1 ถ้วยตวง, นมข้น และน้ำมะนาว คนหรือตีต่อไปจนส่วนผสมขึ้นขาว จึงใส่สีและกลิ่นตามความชอบ
    4. จากนั้นนำส่วนผสมไปหยอดลงในแบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ แต่งหน้าด้วยลูกเกด (แล้วแต่ความชอบ) และนำไปนึ่งโดยใช้ไฟแรงๆ ประมาณ 10 นาทีหรือจนสุก จึงยกลง
    5. ทิ้งไว้ให้เย็น สามารถนำไปเสริฟทานได้ทันที

ที่มาของแหล่งข้อมูล :  kanom.co.th
                                  http://specialfood.co.th/

ทับทิมกรอบ

ทับทิมกรอบ


เครื่องปรุงส่วนผสม

1.แห้ว 800 กรัม (ล้าง, ปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า)
2.กะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
3.เกลือป่น 2 ช้อนชา
4.น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
5.น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
6.น้ำหวานแดง 1 1/2 ถ้วยตวง
7.แป้งมัน 500 กรัม
8.ขนุนฉีกเป็นฝอย, เมล็ดข้าวโพดสุก (สำหรับโรยหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทำ

1. นำแห้วที่หั่นเสร็จแล้วไปแช่ในน้ำแดงประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ
2. นำแห้วที่แช่ในน้ำแดงไปคลุกในแป้งมันให้ติดผิว ค่อยๆคลุกให้ติดทั่วผิวแห้วทั้งหมด จากนั้น จึงนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุกจึงนำออกมาแช่น้ำเย็น (วิธีสังเกตุ : แห้วสุกแล้วจะลอยขึ้นเหนือน้ำ)
3. เตรียมทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำและนำไปต้มจนเดือด คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายดี แล้วจึงปิดไฟ
4. นำกะทิและเกลือไปใส่ในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี จึงปิดไฟ
5. นำเมล็ดทับทิม ไปใส่ในถ้วยเสริฟ โรยหน้าด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อม,น้ำกะทิ, ขนุนฝอยและข้าวโพด (ถ้าต้องการ) เสริฟทันทีเป็นอาหารว่าง คลายร้อนในวันสบายๆ

ที่มาชองแหล่งข้อมูล : http://www.ezythaicooking.com/free_dessert_recipes/Water_chestnut_with_syrup_and_coconut_milk_th.html
 http://www.smeleader.com/%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1/

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560

ขนมลอดช่อง

ขนมลอดช่อง


ส่วนผสมตัวลอดช่อง

* แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
* แป้งเท้ายายม่อม 30 กรัม
* แป้งซ่าหริ่ม 20 กรัม
* น้ำปูนใส 450 กรัม
* น้ำใบเตย 250 กรัม
* น้ำแข็ง

ส่วนผสมน้ำกะทิ

* น้ำกะทิ 250 กรัม
* น้ำตาลปึก 150 กรัม
* เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
* เทียนอบ

วิธีทำ

1. ทำตัวลอดช่องโดยผสมแป้งข้าวเจ้า, แป้งเท้ายายม่อม, แป้งซ่าหริ่ม เข้าด้วยกัน หลังจากนั้นค่อยๆใส่น้ำ ปูนใสทีละน้อย ขณะเดียวกันก็นวดแป้งให้เข้ากันจนเนียนและเหนียว และค่อยๆใส่น้ำปูนใสจนหมด แล้วจึงใส่น้ำ ใบเตย แล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนแป้งเนียวและข้นจึงลดไฟลง กวนต่อจนแป้งสุก (แป้งจะมี ลักษณะข้นเหนียว)จึงปิดไฟ

2. เตรียมน้ำเย็นโดย นำน้ำแข็งไปละลายในน้ำจนน้ำเย็นจัด จากนั้นนำส่วนผสมแป้งที่เตรียมไว้ในขั้นตอน ที่หนึ่งไปใส่ลงในพิมพ์ลอดช่อง ค่อยๆกดให้เป็นเส้นหย่อนลงไปในน้ำเย็นที่เตรียมไว้

3. ทำน้ำกะทิโดยนำน้ำตาลปึกผสมกับน้ำกะทิและเกลือป่น นำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆ คนจนน้ำตาลละลายดี จึงปิดไฟ และนำไปอบควันเทียนให้หอม
4. ตักเส้นลอดช่องใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ และน้ำแข็งทุบ สามารถใส่เครื่องเพิ่มเติมได้ตามต้องการ (เผือกนึ่ง, ข้าวเหนียวดำ, อื่น)

แหล่งที่มาของข้อมูล : http://www.clipmass.com/story/101264 , kanom.co.th



ขนมมะพร้าวแก้ว

ขนมมะพร้าวแก้ว


ส่วนผสม

1.มะพร้าวขูดเป็นเส้นๆ 2 ถ้วย
2.น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
3.น้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย
4.เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ตั้งหม้อน้ำ ต้มน้ำลอยดอกมะลิและน้ำตาล เคี่ยวไปเรี่อยๆจนน้ำเชื่อมเริ่มเหนียว จากนั้นใส่เกลือลงไป จากนั้นปิดไฟปล่อยให้เย็น
2. นำมะพร้าวขูดลงไปผสมในน้ำเชี่อม จากนั้นนำมาพักใส่ถาดและ นำมะพร้าวขูดจัดใส่แท่นพิมพ
3. เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน

แหล่งที่มาของข้อมูล : http://thaimenu2u.blogspot.com/2014/02/blog-post_812.html , kanom.co.th


บัวลอยไข่หวาน

บัวลอยไข่หวาน


ส่วนผสมบัวลอย

* แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง

* เผือกนึ่งสุกบดละเอียด 1 ถ้วยตวง (กรณีต้องการบัวลอยหลายสีสามารถเลือกใช้ฟักทอง เพื่อทำบัวลอยสีเหลือง, ใบเตย เพื่อทำบัวลอยสีเขียว, อื่นๆ)

* น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง

ส่วนผสมน้ำกะทิ

* กะทิ 2 ถ้วยตวง

* น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม

* น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

* เกลือป่น 1 ช้อนชา

* เนื้อมะพร้าวอ่อน, ไข่ (จะมีหรือไม่มีก็ได้)

* งาขาว (สำหรับแต่งหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทำ

1. ทำบัวลอยโดยผสมแป้งข้าวเหนียว, เผือกนึ่งและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน นวดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงนำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ระหว่างปั้นนั้น ควรโรยด้วยเศษแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกบัวลอยติดกัน (ถ้าต้องการทำบัวลอยหลายสีก็ใช้ส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นฟักทองสำหรับสีเหลือง หรือใบเตยสำหรับสีเขียว เป็นต้น)

2. ต้มน้ำในหม้อขนาดกลาง รอจนเดือดจึงใส่ลูกบัวลอยที่ปั้นไว้แล้ว เมื่อบัวลอยสุกให้นำออกมาแช่ในน้ำเย็น (บัวลอยที่สุกแล้วจะลอยขึ้น)

3. ทำน้ำกะทิโดยผสม กะทิ, น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ควรใส่น้ำตาลทรายแค่ครึ่งเดียวก่อน ถ้ายังหวานไม่พอจึงค่อยใส่เพิ่มลงไป ต้มจนเดือด จึงหรี่ไฟลง นำบัวลอยที่ต้มไว้แล้วใส่ลงไปในน้ำกะทิ ต้มต่ออีกสักพักจึงปิดไฟ ถ้ามีมะพร้าวอ่อนก็ใส่ได้เลย พร้อมลูกบัวลอย (กรณีต้องการทำบัวลอยไข่หวาน ก็ตอกไข่ใส่ไปในหม้อหลังจากที่ใส่บัวลอยลงไป รอจนไข่สุกจึงปิดไฟ)

4. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยงาขาว เสริฟขณะร้อนหรือรอให้เย็นก็ได้

ที่มาของแหล่งข้อมูล :  http://www.ezythaicooking.com/free_dessert_recipes/Thai_dumplings_in_coconut_cream_th.html , https://sites.google.com/site/earnnyphatcharin/225

ขนมลูกชุบ

ขนมลูกชุบ


ส่วนผสม

* ถั่วเขียว 450 กรัม
* น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)
* น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* น้ำกะทิ 400 กรัม
* วุ้นผง 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* สีผสมอาหาร (อย่างน้อยแม่สี 3 สี : สีแดง, สีเหลืองและน้ำเงิน),จานสีและพู่กัน
* ไม้จิ้มฟัน (สำหรับเสียบถั่วที่ปั้นแล้วเพื่อแต่งสีและจิ้มลงในน้ำวุ้น)
* โฟม (สำหรับเสียบถั่วปั้นระหว่างทำ ถ้าวางบนพื้นจะเสียทรง)

วิธีทำ

       1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
       2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
       3. จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว (ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)
       4. ก่อนปั้นให้นวดส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงปั้นให้เป็นรูปทรงตามใจชอบ (ผัก, ผลไม้หรือสัตว์น่ารักๆ) เมื่อปั้นเสร็จให้เสียบไม้จิ้มฟันรอไว้ ควรปั้นส่วนผสมทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ถั่วที่ปั้นเสร็จแล้วควรห่อไว้ด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด
       5. ผสมสีผสมอาหารตามต้องการ แล้วจึงบรรจงแต่งสีลงบนถั่วปั้นให้เหมือนจริง หรือตามแต่ความชอบ
       6. ทำน้ำวุ้นโดยผสมน้ำเปล่า, ผงวุ้นและน้ำตาล ลงในหม้อ นำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง หมั่นคนอย่างสม่ำเสมอ รอจนส่วนผสมเดือด ช้อนฟองที่ลอยหน้าออก จึงหรี่ไฟลง
       7. นำถั่วปั้นที่แต่งสีแล้วไปชุบในน้ำวุ้น ควรชุบประมาณ 2 - 3 ครั้ง ระหว่างชุบวุ้นต้องอุ่นน้ำวุ้นด้วยไฟอ่อนเพื่อไม่ให้วุ้นแข็ง ถ้าไม่พอก็ผสมน้ำวุ้นขึ้นใหม่ตามอัตราส่วนข้างต้น
        8. นำลูกชุบออกจากไม้ิจิ้มฟัน ตัดแต่งเศษวุ้นส่วนเกินออกด้วยกรรไกร จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆได้ทันที

ที่มาของแหล่งข้อมูล : https://pantip.com/topic/13112644 ,  http://www.ezythaicooking.com/

ทองหยอด

ทองหยอด


ส่วนผสม

1. ไข่เป็ด 10 ฟอง
2. แป้งทองหยอด/แป้งข้าวเจ้า 3 1/2 ช้อนโต๊ะน้ำเชื่อม 
3. น้ำลอยดอกไม้ 4 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 5 1/2 ถ้วยน้ำเชื่อมหล่อขนม
5. น้ำลอยดอกไม้ 1 1/2 ถ้วย
6. น้ำตาลทราย 2 ถ้วย

วิธีทำ

    1. น้ำเชื่อมหล่อขนม – กะทะทองใส่น้ำตาล น้ำ ตั้งไฟ ให้เดือดและน้ำตาลละลาย ใส่ภาชนะพักไว้ให้เย็น
    2. อ่างผสมตอกไข่เป็ดใส่ ใช้มือแยกเอาแต่ไข่แดงใส่ผ้าขาวบาง รีดไข่น้ำค้างที่เปลือกใส่ด้วย รีดไข่ผ่านลงมา อย่าทิ้งไว้นานเพราะจะตีไม่ขึ้น ตีไข่ให้ข้นฟูเนียน ตีประมาณ 5 – 10 นาที (ถ้าตีน้อยไปขนมจะด้านแข็ง แต่ถ้าตีมากไปขนมจะนิ่มและแตกง่าย) ตักไข่ใส่ภาชนะประมาณ 1 ถ้วยตวง แล้วใส่แป้งทองหยอด 2-3 ช้อนโต๊ะ ตล่อมคนผสมให้เข้ากัน อย่าคนนานแป้งจะเหนียว
    3. กะทะทอง ใส่น้ำตาลทราย น้ำ ตั้งไฟให้เดือด ไม่ต้องคน (จะทำให้เกิดผลึกน้ำตาล) ดูจนน้ำตาลละลาย พอน้ำเชื่อมเดือดฟูเป็นฟองเล็กๆ ใช้นิ้วชี้ตักไข่ปาดไปมากับขอบชามให้ได้ลูก ตอนหยอดใช้นิ้วกลางกับนิ้วชี้เป็นตัวหยอด แล้วใช้นิ้วโป้งดันส่วนผสมไข่ หยอดใส่กะทะ ให้เป็นก้อนกลมและมีหางเล็กๆ เป็นลูกคล้ายหยดน้ำ หรือใช้ปลายช้อนแกงตักส่วนผสมหยอด (เวลาหยอดต้องให้น้ำเชื่อมเดือดฟูอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าน้ำเชื่อมไม่เดือดฟูตลอด จะหยอดขนมไม่ได้ เพราะขนมจะลอยเป็นแผ่น) ถ้าน้ำเชื่อมข้นไป เติมน้ำได้เล็กน้อย แล้วรอให้เดือดฟูอีกครั้งจึงหยอดขนม เมื่อขนมลอยขึ้น แสดงว่าสุกได้ที่ ใช้กระชอนโปร่งช้อนขึ้น ตักใส่หล่อในน้ำเชื่อมที่แยกไว้

ที่มาของข้อมูล : http://www.baanfoythong.com , kanom.co.th

ขนมตาล

ขนมตาล



ส่วนผสมขนมตาล
- น้ำตาลทราย 400 กรัม
- กะทิ 3 ถ้วย
- เนื้อลูกตาลสุก 350 กรัม
- แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
- มะพร้าวทึนทึกขูดเส้นเล็ก (คลุกเกลือเล็กน้อยสำหรับโรยหน้า) 2 ถ้วย

วิธีทำขนมตาล

1. ละลายน้ำตาลทรายในกะทิ เติมเนื้อลูกตาลลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่แป้งและผงฟูลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันจนเนียน

2. กรองส่วนผสมด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ ประมาณ 10 นาทีให้ส่วนผสมขึ้น

3. ระหว่างรอขนมขึ้น ใส่น้ำในลังถึง ตั้งไฟกลางเตรียมไว้ เรียงถ้วยตะไลลงในลังถึง พอส่วนผสมครบเวลา ตักส่วนผสมยอดลงในถ้วยตะไลจนเต็มถ้วย โรยด้วยมะพร้าวทึนทึก นึ่งบนน้ำเดือดประมาณ 15-20 นาที จนกระทั่งสุก ยกลงจากเตา พักให้เย็นแซะออกจากถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

ที่มาของข้อมูล               *http://siameasyfood.com/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5/
*kanom.co.th 

ข้าวเหนียวขนุน

ข้าวเหนียวขนุน


ส่วนผสม

1. ขนุน 1 ลูก
2. หัวกะทิ 1 ถ้วย
3. เกลือ 1 ช้อนชา
4. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
5. ข้าวเหนียวมูน 1 กิโลกรัม


วิธีการมูนข้าวเหนียว
     ส่วนผสมสำหรับทำข้าวเหนียวมูน
1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงูใหม่ 1 กิโล
2. หัวกะทิ 1 กิโล
3. น้ำตาล 1/2 กิโล
4. เกลือ 1 ช้อนโต้ะ
5. น้ำใบเตย 2 ช้อนโต้ะ

ขั้นตอนการทำข้าวเหนียวมูน
1. ล้างข้าวเหนียวให้สะอาด จากนั้นนำข้าวเหนียวไปแช่น้ำ ประมาณ 3 ชั่วโมง

2. เตรียมกะทิ โดย เอาหัวกะทิไปต้ม ผสมน้ำตาลและเกลือ และน้ำใบเตย ผสมให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน จากนั้นพักไว้ก่อน

3. นำข้าวเหนียวไปนึ่ง ให้สุก การนึ่งข้าวเหนียวต้องนึ่งให้พอดีไม่สุกเกินไปเพราะจำทำให้ข้าวเหนียวมูนไม่เป็นเม็ด ถ้านึ่งใช้เวลาน้อนเกินจำทำให้ข้าวเหนียวแข็งและไม่สุก ดังนั้นการนึ่งข้าวเหนียวให้สุกพอดีต้องให้ความชำนาญสูงเพื่อรู้ว่าข้าวเหนียวสุกพอดีประมาณไหน

4. ข้าวเหนียวสุก ให้นำข้าวเหนียวร้อนๆลงไปใส่ในน้ำกะทิที่เตรียมไว้เลย คลุกให้น้ำกะทิถึงข้าวเหนียวทุกเม็ด จากนั้นพักไว้ 10 นาที หลังจากนั้นก็คลุกอีกและพักให้น้ำกะทิเข้าเนื้อข้าวเหนียว พักให้เย็นก้สามารถรับประทานได้ ข้าวเหนียวมูนสามารถทานกันเครื่องมากมาย เช่น สังขยา มะม่วงสุก หรือ ทุเรียน

ขั้นตอนการทำข้าวเหนียวขนุน
1. ปอกขนุนออกมา และเอาเม็ดขนุนออก จากนั้นพักขนุนใส่จานไว้

2.ทำกะทิราดโดยต้ม หัวกะทิผสมน้ำตาลและเกลือ ผสมให้เข้ากันจากนั้นพักให้เย็น

3. นำข้าวเหนียวมูนยัดใส่ขนุนแทนที่เม็ดขนุน จากนั้นจัดเรียงใส่จานให้สวยงาม ราดด้วยน้ำกะทิ

แหล่งที่มาโดย : kanom.co.th